อาณาจักรปลวก


จอมปลวก หรือ รังของปลวก ถือเป็นอาณาจักรของแมลงที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากที่สุดรังปลวกบางพันธุ์
ในทวีปแอฟริกามีความสูงเหนือพื้นดินถึง 6 เมตร มีอุโมงค์เชื่อมต่อใต้ดินครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 8 ไร่
และมีปลวกอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 5 ล้านตัว รังของปลวกที่มีลักษณะเป็นกองดินขนาดใหญ่ในบ้านเรามักเป็นปลวกในสกุล
Macrotemes ความที่ปลวก (Termite) มีรูปร่างคล้ายมดและมีสีค่อนข้างขวาซีด จึงมีชื่อเรียกบางชื่อว่า White ant ทั้งที่จริง ๆ
แล้วปลวกจัดอยู่ในอันดับ Isopthera ส่วนมด ผึ้ง ต่อ แตน นั้นจัดอยู่ในอันดับ Hyminoptera เพราะปลวกมีส่วนท้องกว้างกว่าอก
ซึ่งผิดกับมดที่ส่วนท้องตอนที่ติดกับอกคอดกิ่ว ปัจจุบันทั่วโลกค้นพบชนิดของปลวกแล้วไม่ต่ำกว่า 1,800 ชนิด 200 สกุล
ส่วนในประเทศไทยเองพบว่ามีปลวกอยู่นับร้อยชนิด

ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2011/05/blog-post_19.html

ที่อยู่อาศัยของปลวก


- ปลวกที่อาศัยอยู่ในดิน จำแนกได้อีก 3 พวก คือ ปลวกใต้ดิน, ปลวกที่อยู่ตามจอมปลวก และปลวกที่อยู่ตามรังขนาดเล็ก
- ปลวกที่อาศัยอยู่ในเนื้อไม้ แยกเป็นปลวกไม้แห้ง เป็นพวกที่มีอาณาจักร หรือรังเล็กกว่าปลวกใต้ดิน อาศัยอยู่ในเนื้อไม้และจะไม่ลงไปในดิน ปลวกชนิดนี้ต้องการความชื้นในไม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เป็นปลวกที่ทำลายความเสียหายให้กับอาคารบ้านเรือนและเครื่องเฟอร์นิเจอร์มาก ที่สุด และปลวกไม้ชื้น อาศัยอยู่ในเนื้อไม้ที่มีความชื้นสูง เช่น เปลือกไม้ ไม้ซุง หรือไม้ที่ผุแล้ว ตามปรกติแล้วปลวกประเภทนี้จะไม่มีอันตรายกับอาคารบ้านเรือนมากนัก
ทั้งนี้ปลวกชอบอาศัยอยู่ในที่ที่มีความชื้นสูง มีความอดทนต่ออากาศที่มีความกดดันต่ำ มันจึงต้องอาศัยอยู่ในพื้นดินที่มีความชื้นของบ้าน และจะเข้ามาตามพื้นช่วงล่างของอาคาร โดยสร้างทางเดินและไต่เข้ามาตามรอยแยกอาคาร ซึ่งไม่มีอาคารชนิดใดไม่ว่าจะปลูกใหม่หรือเก่าจะปลอดภัยจากปลวก มันสามารถสร้างทางเดินด้วยดินเหนียวหุ้มเป็นโพรง ไต่เข้าไปตามผนังหรือรอยแตกของคอนกรีต รอยต่อของอิฐ และท่อน้ำทิ้งของพื้นช่วงล่างของอาคารได้เสมอ
และหากจะสังเกตเมื่อเห็นปลวกที่มีปีกหรือแมงเม่าบินออกจากรูไปอย่างรวดเร็ว นั่นแสดงถึงลางร้าย พวกปลวกเหล่านี้จะบินไปซ่อนตัวตามอาคาร แล้วชอนไชเข้าไปกินเนื้อไม้ หรือทรัพย์สินของท่าน การกำจัดปลวกจึงต้องอาศัยผู้ที่มีอาชีพกำจัดปลวกโดยตรง หรือหากจะป้องกันด้วยตนเอง ควรหามาตรการโดยให้ผู้ชำนาญการกำจัดแมลง เป็ฯผู้สร้างมาตรการป้องกันตามหลักวิชาการที่ได้ผลแน่นอน และจะคงผลไว้ในระยะเวลานานหลายปี ซึ่งประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายอีกด้วย ด้วยความชำนาญของเจ้าหน้าที่ และตัวยาเคมีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

โดย สมาคมผู้ประกอบกิจการกำจัดแมลงแห่งประเทศไทย

ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2010/08/blog-post_4520.html

การสร้างรังปลวก ปลวกแต่ละชนิดต่างมีกลวิธีและรูปแบบในการสร้างรังไม่เหมือนกัน


ปลวกแต่ละชนิดต่างมีกลวิธีและรูปแบบในการสร้างรังไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะมีขนาดมหึมาราวหอคอยหรือเล็กเพียงแค่เนินดิน
ปลวกจำนวนมากมายในแต่ละรังจะแบ่งออกได้เป็น 3 วรรณะคือ ปลวกงาน ผู้คอยวิ่งวุ่นทำงานทุกอย่างภายในรัง
เริ่มตั้งแต่ตอนก่อสร้างจอมปลวก ซ่อมแซมรังถ้ามีการสึกหรอ ดูแลรักษาไข่ของนางพญาไปจนถึงการหาอาหารมาเลี้ยงดูปลวกในวรรณะอื่น
ถัดมาคือ ปลวกทหาร ซึ่งมีรูปร่างทะมัดทะแมงมีส่วนหัวและกรามใหญ่โตกว่าส่วนอื่น เพื่อใช้เป็นอาวุธในการออกรบ
ปลวกทหารจะเป็นผู้ต้อนรับด่านแรกหากมีผู้บุกรุกเข้ามาภายในจอมปลวก และปลวกในวรรณะสุดท้ายได้แก่ ปลวกสืบพันธุ์

ซึ่งเป็นพวกเดียวที่มีโอกาสเจริญเติบโตจนสามารถผสมพันธุ์และวางไข่ได้ และเชื่อไหมว่าภายในจอมปลวกหนึ่ง ๆ ซึ่งมีปลวกนับหมื่นนับแสนตัวล้วนถือกำเนิดมาจากพญาปลวกเพียงตัวเดียว ส่วนนางพญาปลวกเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น ต้องไล่ค้นไปถึงวงจรชีวิตของปลวกอันเริ่มต้นจากการจับคู่ของมวลหมู่แมลงเม่า

ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2011/05/blog-post_61.html

จอมปลวก การสร้างจอมปลวก


การสร้างจอมปลวกเริ่มขึ้นโดยเหล่าปลวกงานจะช่วยกันกัดดินและขนดินมาทีละก้อนแล้วใช้น้ำลายเป็นตัวเชื่อมติด พวกมันค่อย ๆ สร้างผนังจอมปลวกแน่นหนาขึ้นทีละน้อยอย่างอดทนโดยมีปลวกทหารคอยทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยให้ ศัตรูสำคัญของปลวกทหารคือมดพันธุ์ต่างๆที่ชอบเข้ามารุกรานถึงภายในจอมปลวก เมื่อปราศจากการรบกวนปลวกงานจะสร้างห้องหับต่าง ๆอย่างเป็นระบบเริ่มตั้งแต่ตำหนักของนางพญาที่จะต้องแข็งแกร่งเป็นพิเศษและซ่อนอยู่มิดชิดที่สุดภายในรังแล้วจึงสร้างห้องเก็บรักษาไข่เพื่อบ่มฟักตัวอ่อน ซึ่งมันจะต้องขนไข่ออกจากตำหนักของนางพญามาจัดเก็บให้เป็นระเบียบอยู่เสมอเสร็จจากนั้นปลวกงานส่วนหนึ่งทำการขุดช่องระบายอากาศเพื่อให้ภายในจอมปลวกเย็นสบายอยู่ตลอดเวลารวมทั้งขุดอุโมงค์ใต้ดินสู่ภายนอกเพื่อใช้เป็นเส้นทางในการออกไปหาเสบียงอันได้แก่เศษไม้เป็นหลักความจริงปลวกไม่สามารถย่อยไม้ได้เองอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นโปรโตซัวซึ่งอาศัยอยู่ในกระเพาะของมันต่างหากที่ช่วยย่อยเซลลูโลสให้กลายเป็นสารอาหาร ปลวกงานจะนำเชื้อราที่ได้จากการย่อยมาสร้างเป็นสวนเห็ดขึ้นภายในจอมปลวกเพื่อลดภาระในการออกตระเวนหาอาหารจะเห็นว่าปลวกงานมีหน้าที่หนักที่สุดในบรรดาปลวกทั้ง 3 วรรณะปลวกงาน จึงมีประชากรมากที่สุดทั้งนี้นางพญาจะมีฮอร์โมนสังคม (Social Hormone) ควบคุมการวางไข่ให้อัตราส่วนประชากรในวรรณะต่าง ๆ ได้สมดุลอยู่ตลอดเวลา

ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2011/05/blog-post_207.html

วงจรชีวิตของปลวก

วัฏจักรชีวิตปลวก



ปลวกทหาร ต่อสู้ ป้องกัน พลเมืองปลวก จากมด

ปลวก ทำงาน ทำงานหาอาหาร กินไม้ กินประตู วงกบ


ราชินีปลวก  วางไข่


ราชินีปลวก และการวางไข่  วางไข่ วันละหลายหมื่น ฟอง โอ้..... บร่ะเจ้า
แมลงเม่า  
แมลงเม่า
ความเสียหายจากปลวก ปลวกกินวงกบหน้าต่าง
ปลวกกินคานบ้าน
รังปลวก เส้นทางเดินของกองทัพปลวก
วัฏจักรชีวิตปลวก ปลวกเมื่อโตเต็มวัยจะมีปีกหรือที่เรารู้จักกันว่า "แมลงเม่า” พบแมลงเม่ามากในช่วงต้นของฤดูฝน หรือระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง มิถุนายนและช่วงที่มีฝนตกผิดฤดูและมีปริมาณความชื้นสูง จึงเป็นระยะที่เหมาะกับการผสมพันธุ์ของแมลงเม่าและพบเห็นบ่อย แมลงเม่าทั้งตัวผู้และตัวเมีย เมื่อบินออกจากรังจะจับคู่กันแล้วจะสลัดปีกทิ้ง จากนั้นจะพากันไปหาสถานที่ที่เหมาะสมในการที่จะเป็นรังใหม่ของมันต่อไปนั่น คือบริเวณที่มีความชื้นสูงและมีแหล่งของอาหารคือไม้อย่างพอเพียง ขั้นตอนการผสมพันธุ์เริ่มจากปลวกเพศเมีย ซึ่งกลายเป็นราชินีปลวกจะปล่อยกลิ่นฟีโรโมน ทำให้ปลวกตัวผู้(ปลวกราชา)ไปหาและผสมพันธุ์กัน เมื่อสร้างรังเสร็จตัวราชินีปลวกจะเริ่มวางไข่ภายในเวลา 1 เดือน การวางไข่ของราชินีปลวกครั้งแรกจะมีจำนวนน้อยประมาณ 10 ฟองหรือมากกว่า ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนปลวกออกมาภายในเวลาหลายสัปดาห์ วัฏจักรชีวิตปลวก รุ่น แรกจะเป็นปลวกงานและปลวกทหาร ในระยะแรกตัวอ่อนจะได้รับอาหารจากปลวกราชินีโดยการกินมูลและอาหาร ซึ่งทำให้ปลวกได้รับโปรโตซัวและแบคทีเรีย ต่อมาส่วนท้องของปลวกราชินีจะขยายใหญ่ขึ้นและจะเริ่มวางไข่อีกและจะเคลื่อน ไหวไปไหนมาไหนไม่ได้ ในครั้งนี้จะเป็นการผลิตปลวกงานและปลวกทหารให้เพิ่มขึ้น ในระยะ 3-4 ปีต่อมาราชินีจึงวางไข่เพื่อผลิตวรรณะสืบพันธุ์ชุดแรก สำหรับตัวราชาปลวกจะมีรูปร่างขยายขึ้นกว่าเดิมไม่มากนัก จะคอยอยู่ใกล้ๆ กับตัวนางพญาปลวกเพื่อทำการผสมพันธุ์เพียงอย่างเดียว ลักษณะไข่ปลวกมีรูปร่างเรียวยาวหรือค่อนข้างกลม สีขาวนวลมักวางเป็นฟองเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มคล้ายไข่แมลงสาบ เมื่อฟักออกเป็นตัวจะมีลักษณะเหมือนตัวเต็มวัยแต่จะมีขนาดเล็กกว่า ตัวอ่อนจะลอกคราบหลายครั้งและเจริญเป็นตัวเต็มวัยที่ไม่มีปีกและเป็นหมัน คือปลวกงานและปลวกทหาร ส่วนตัวอ่อนที่ลอกคราบกลายเป็นตัวเต็มวัยมีปีกหรือแมลงเม่าจะกลายเป็นวรรณะ สืบพันธุ์ ระยะเวลาการเจริญของวรรณะสืบพันธุ์จากไข่ถึงตัวเต็มวัยใช้เวลา 9-10 เดือน ส่วนวรรณะทหารและกรรมกรใช้เวลา 4-6 เดือน วงจรชีวิตปลวกนางพญาและปลวกราชาจะมีอายุยืนยาวถึง 25-50 ปี เริ่มต้นขึ้นเมื่อฤดูการเหมาะสม ส่วนใหญ่มักเป็นช่วงหลังฝนตกปีละประมาณ 2 -3 ครั้งโดยแมลงเม่าเพศผู้และเพศเมีย (Alate or winged reproductive male of female ) บินออกจากรังในช่วงเวลาพลบค่ำประมาณ 18.30-19.30 น. เพื่อมาเล่นไฟจับคู่ผสมพันธุ์กันจากนั้นจึงสลัดปีกทิ้งไป แล้วเจาะลงไปสร้างรังในดินในบริเวณที่มีแหล่งอาหารและความชื้น หลังจากปรับสภาพดินเป็นที่อยู่แล้วประมาณ 2-31 วันจึงเริ่มวางไข่เป็นฟองเดี่ยวๆและจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจถึงวันละหลายพันฟอง ไข่จะฝักออกมาเป็นตัวอ่อน (Larva ) และจะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบจนเป็นตัวเต็มวัย ไข่รุ่นแรกจะฝักออกมาเป็นปลวกไม่มีปีก และเป็นหมันสารเคมีที่เรียกว่าฟีโรโมนหรือสารที่ผลิตออกมาจากทวารหนักของ ราชินี เพื่อให้ตัวอ่อนเกิดจะเป็นตัวกำหนดให้ตัวอ่อนพัฒนาไปเป็นปลวกวรรณะต่างๆเช่น ปลวกงาน (Worker ) ปลวกทหาร (Soldier ) โดยบางส่วนของตัวอ่อนจะเจริญไปเป็นปลวกที่มีปีกสั้น ไม่สมบูรณ์ ซึ้งอยู่ในช่วงระยะเจริญพันธุ์ (Nymphs ) เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะเจริญไปเป็นแมลงเม่า ซึ่งมีปีกยาวสมบูรณ์เต็มที่บินออกไปผสมพันธุ์ต่อไป ตัวอ่อนบางส่วนจะเจริญเติบโตเป็นปลวกวรรณะสืบพันธุ์รอง (Supplementary Queen and king ) ซึ่งทำหน้าที่ผสมพันธุ์และอกไข่ เพิ่มจำนวนประชากร ในกรณีที่ราชา (King ) หรือราชินี (Queen ) ของรังถูกทำลายไป ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2010/08/blog-post_7151.html

การวางระบบท่อป้องกันปลวก


ก่อนการก่อสร้างบ้านควรมีการจัดทำระบบท่อป้องปลวกไว้ในขั้นตอนแรกๆเพราะปลวกคือแมลงเม่า ที่ไหนมีแมลงเม่าบินไปถึง ที่นั้นอาจเป็นบ้านของปลวกหลังต่อไป ก่อนก่อสร้าง ระบบท่อป้องกันปลวกจะเดินตามคานสิ่งปลูกสร้างและทำการเจาะรูที่ท่อเป็นระยะๆ โดยลักษณะของท่อกำจัดปลวกนั้นจะไม่สัมผัสกับดินเพราะอาจจะทำให้ท่ออุดตันได้ ซึ่งระบบท่อจำจัดปลวกนี้จะสะดวกสบายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเข้าไปในตัวบ้าน ไม่ต้องทำการทุบพื้น เจาะบ้านเป็นรูเพื่อฉีดน้ำยากำจัดปลวกระยะเวลาในการฉีดสารเคมีกำจัดปลวกลงในท่อกำจัดปลวกนั้นโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับระยะเวลาตกค้างของสารเคมีกำจัดปลวกซึ่งทั้วไปมักฉีดปลวกประมาณปีละครั้ง

การทำ Pipe Treatment เป็นการวางท่อไว้ใต้อาคารเพื่อกำจัด และป้องกัน ปลวก การบริการจะต้องมีการเตรียมพื้นที่แล้วติดตั้งท่อตามแนวคานคอดิน ที่อยู่ใต้อาคาร การอัดน้ำยาเข้าท่อโดยใช้เครื่องอัดแรงดันสูง ทำให้น้ำยาแพร่กระจายตามท่อที่ติดตั้งไว้ ทั้งนี้การติดตั้งท่อจะทำตอนที่คานคอดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ที่มา http://termite-kill.blogspot.com/2010/08/blog-post_6768.html

ปลวก จัดเป็นแมลงสังคมชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในอันดับ Isoptera


ปลวก จัดเป็นแมลงสังคมชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในอันดับ Isoptera มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสลับซับซ้อน แบ่งออกเป็น 3 วรรณะ มีรูปร่างและหน้าที่ต่างกันชัดเจนคือ วรรณะปลวกงาน ทำหน้าที่หาอาหารและสร้างรัง วรรณะทหาร ป้องกันศัตรูที่เข้ามารบกวนประชากรในรัง และวรรณะสืบพันธุ์ ทำหน้าที่สืบพันธุ์วางไข่

แม้ว่าปลวกบางชนิดจะเป็นศัตรูที่สามารถทำลายความเสียหายให้แก่ไม้ ต้นไม้ หรือผลิตผลที่มีเซลลูโลสเป็นองค์ประกอบได้ แต่ในทางนิเวศวิทยาแล้ว ปลวกกว่า 80% จัดเป็นแมลงที่มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อระบบนิเวศป่าไม้มาก โดยปลวกจัดเป็นผู้ย่อยสลายในป่าธรรมชาติ ซึ่งทำหน้าที่ร่วมกันกับเชื้อราและแบคทีเรีย พบว่าประมาณ 3 ใน 4 ของขยะธรรมชาติ เช่น ซากพืช เศษไม้ ใบไม้ ท่อนไม้ หรือต้นไม้ที่หักล้มร่วงหล่นทับถมกันอยู่ในป่า ปลวกจะทำหน้าที่ ช่วยในการย่อยสลายให้ผุพังและเปลี่ยนแปลงไปเป็นฮิวมัสหรือินทรีย์วัตถุภายในดิน ก่อให้เกิดการหมุนเวียนอย่างรวดเร็วของธาตุอาหารในดิน สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินในป่า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้

ที่มา http://www.rspg.or.th/articles/termite/termite1.html

วิธีกําจัดปลวกด้วยตัวเอง

วิธีกำจัดปลวกด้วยตัวเอง มีหลายวิธีการ บ้างก็บอกให้ใช้สารเคมีกำจัดปลวกเพราะง่ายที่สุด บ้างก็บอกว่า วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดปลวกด้วยตัวเอง ก็คือการใช้สมุนไพรแบบต่างๆ แต่ว่าสมุนไพรกำจัดปลวกพวกนี้มันกำจัดปลวกได้จริงไหม อันนี้เป็นคำถามที่เรายังสงสัยกันอยู่


ตอบให้ นั่นก็คือ วิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดในการกำจัดปลวกด้วยตัวเองและเป็นวิธีที่ปลอดภัย คนไม่ตาย ปลวกไม่ตาย แต่ปลวกจะหนีออกไปจากบ้านเราอย่างไม่มีวันกลับมาอีก วิธีที่ว่านี้ก็คือ "การใช้น้ำส้มควันไม้กำจัดปลวก" โดยการนำน้ำส้มควันไม้มาผสมกับน้ำเปล่า แล้วพ่นหรือว่าราดไปที่จุดที่มีปลวกอยู่ หรือพ่นไว้บนเนื้อไม้เพื่อป้องกันปลวกมากัดกินเนื้อไม้ก็ได้ เนื่องจาก ปลวกมันไม่ชอบ น้ำส้มควันไม้ เวลาโดนน้ำส้มควันไม้ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมันทาร์ เจ้าปลวกทั้งหลายจะอพยพหนีไปและไม่กลับมาอีกเลย


ทีนี้ เรามาทำความรู้จักกับน้ำส้มควันไม้เพิ่มเติมกันดีกว่า

น้ำส้มควันไม้ ควันที่เกิดจากการเผาถ่านในช่วงที่ไม้กำลังเปลี่ยนเป็นถ่านเมื่อทำให้เย็นลงจนควบแน่น

แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ของเหลวที่ได้นี้เรียกว่า น้ำส้มควันไม้ มีกลิ่นไหม้ ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดอะซิติก มีความเป็นกรดต่ำ มีสีน้ำตาลแกมแดง นำน้ำส้มควันไม้ที่ได้ทิ้งไว้ในภาชนะพลาสติกประมาณ 3 เดือนในที่ร่ม ไม่สั่นสะเทือนเพื่อให้น้ำส้มควันไม้ที่ได้ตกตะกอนและแยกตัวเป็น 3 ชั้น คือ น้ำมันเบา (ลอยอยู่ผิวน้ำ)น้ำส้มไม้ และน้ำมันทาร์ (ตกตะกอนอยู่ด้านล่าง) แยกน้ำส้มควันไม้มาใช้ประโยชน์ต่อไป


ประโยชน์และการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ประโยชน์

น้ำส้มควันไม้มีสารประกอบต่างๆ มากมาย เมื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตรจะมีคุณสมบัติ เช่น เป็นสารปรับปรุงดิน สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช และสารเร่งการเติบโตของพืช นอกจากนี้ มีการนำน้ำส้มควันไม้ไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม เช่น ใช้ผลิตสารดับกลิ่นตัว ผลิตสารปรับผิวนุ่ม ใช้ผลิตยารักษาโรคผิวหนัง เป็นต้น

เนื่องจากน้ำส้มควันไม้มีความเป็นกรดสูง ดังนั้นก่อนที่จะนำไปใช้ควรจะนำมาเจือจางให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมกับวัตถุ ประสงค์ของการใช้งาน ดังนี้

ที่มา http://stoptermite.blogspot.com/

การป้องกันกำจัดปลวกในอาคารบ้านเรือนที่สร้างเสร็จแล้ว


สำหรับอาคารบ้านเรือนที่สร้างเสร็จแล้ว และมิได้ดำเนินการป้องกันปัญหาปลวกไว้ตั้งแต่แรกที่ทำการก่อสร้าง เราก็ยังจะสามารถ ป้องกันและกำจัดปลวก ได้เช่นกันนะคะ แต่อาจจะเป็นวิธีที่คล้าย ๆ กับคำกล่าวของโบราณที่ว่า วัวหายแล้วล้อมคอก ไปสักหน่อย คือกว่าจะรู้ตัวว่าบ้านของเรากำลังถูกปลวกกัดกินและทำลายก็อาจจะเจอร่องรอยของความเสียหายของบ้านไปไม่มากก็น้อยแล้ว

เมื่อเราตรวจพบว่ามี ปลวก เข้าทำอันตรายภายในอาคาร หรือบ้านของเรา จะต้องใช้วิธีปฏิบัติตามหลักการต่อไปนี้ค่ะ

1. ตัดทางลำเลียงน้ำและอาหารของ ปลวก ไม่ให้ติดต่อกันได้ ระหว่างรังที่อยู่ใต้ดิน กับแหล่งอาหารที่ปลวกขึ้นไปค้นหาในตัวอคารค่ะ วิธีการทำก็คือให้ทำการขุดรอยคานคอดินบริเวณชิดกำแพงบ้าน หรือบริเวณขอบปูนทางเท้ารอบ ๆ บ้าน โดยขุดลึกประมาณ 30 ซม. กว้าง 30 ซม. แล้วใช้เชลล์ไดร้ท์ 40 อีซี. หรือ เลลล์ไดร้ท์ 20 อีซี. ผสมน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนดไว้ในตาราง แล้วทำการราดน้ำยา 1 ปีบ ต่อความยาวของร่อง 4 เมตรโดยรอบ เมื่อกลบดินทับร่องแล้ว ก็ให้ใช้น้ำยาทาทับมูลดินอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รัศมีห่างจากกำแพงบ้าน หรือขอบปูนประมาณ 50 ซม.

2. บริเวณอาคารที่เทเป็นพื้นคอนกรีต จำเป็นต้องใช้สว่านไฟฟ้า เจาะคอนกรีตให้เป็นรูจากพื้นจนถึงระดับดิน โดยมีระยะห่างกันทุก ๆ เมตร แล้วใช้เชลล์ไดร้ทื 40 อีซี.หรือ เชลล์ไดร้ท์ 20 อีซี. ผสมน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนดในตาราง อัดฉีดน้ำยาที่ผสมเสร็จแล้วด้วยเครื่อง INJECT ลงไปตามรูที่เจาะให้น้ำยากระจาย โดยใช้น้ำยา 20 บิตร (1 ปีบ) ต่อเนื้อที่ 4 ตารางเมตร เมื่ออัดเสร็จแล้วจึงใช้ซีเมนต์อุดรูที่เจาะให้เรียบร้อย การปฏิบัติด้วยวิธีการนี้ค่อนข้างยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูงอยู่สักหน่อยค่ะ แต่เป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันปลวกภายในบ้านได้อย่างสมบูรณ์ และฤทธิ์ของยาจะยัีงคงอยู่ในดินได้ไม่น้อยกว่า 15 ปี

3. จุดสำคัญที่ปลวกชอบขึ้น เช่น ที่รอยต่อของฝาไม้ตามมุมห้อง ไส้กลางของเสาไม้ ใต้พื้นบันได ทางเดินของสายไฟ ทางเดินของแป๊บน้ำ ต้องใช้สว่านเจาะเป็นรูขนาดเล็ก แล้วอัดฉีดด้วยน้ำยาเชลล์ไดร้ท์ 20 อีึซี. หรือเชลล์ไดร้ท์ 40 อีซี. ที่ผสมน้ำตามอัตราส่วนที่กำหนดในตาราง โดยอัดฉีดลงไปให้เต็มจนอิ่มตัวน่ะนะคะ

ข้อควรระวังในการกำจัดปลวกทั้ง 3 วิธีข้างต้น

เนื่องจากตัวยาเคมีดังกล่าวมีฤทธิ์คงทนสูงค่ะ ดังนั้นจึงเป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ ในการใช้จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก โดยยึดหลักความปลอดภัยไว้ก่อน คือ

1. ตรวจป้ายสลากอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เข้าใจวิธีใช้สารเคมีและวิธีการที่ใช้อย่างถูกต้อง

2. เก็บรักษาสารเคมีนั้นไว้ในที่ปลอดภัย ให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

3. ให้ทำลายภาชนะที่บรรจุยาที่ใช้แล้วเสีย

4. ห้ามผสมกับน้ำมัน ในกรณีที่จะใช้ในบริเวณพื้นดินที่อยู่ใกล้พืชและบ่อเลี้ยงปลา เพราะจะเป็นอัตรายต่อพืชและปลาในบ่อได้

5. ชำระร่างกายเมื่อถูกน้ำยาด้วยน้ำและสบู่โดยเร็ว

6. เมื่อมีผู้ได้รับอันตรายจากยาเคมีนี้ ต้องรีบน้ำคนป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

จะเห็นได้ว่า การป้องกันบ้านของเราให้พ้นจากภัย ปลวก นั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือ ต้องป้องกันเสียก่อนการที่ต้องมานั่งแก้ไขน่ะนะคะ แต่ถ้าปลวกขึ้นบ้านแล้วไม่แก้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะมากมายเกินกว่าที่เราจะนึกถึงแน่นอนค่ะ

ที่มา http://baansanruk.blogspot.com/2011/08/blog-post_10.html

กำจัดปลวกด้วยสมุนไพร

กำจัดปลวกด้วยไส้เดือนฝอย

มีสมุนไพรหลายชนิดมีสรรพคุณสามารถใช้กำจัดปลวกได้ดี เช่น ขมิ้นชัน เมล็ดน้อยหน่า สาบเสือ หญ้าแห้วหมู เปลือกมังคุด ไม้ฉำฉา โกงกาง ซึ่งจะต้องมีการสกัดออกมาโดยไปมีผลทำลายวงจรชีวิตของปลวก ลดขบวนการย่อยอาหาร ยับยั้งการลอกคราบ ลดการฟักไข่ของนางพญา ตัดวงจรการส์บพันธุ์ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหา ซึ่งเป็นผลการทดลองของรองศาสตราจารย์ ดร.สุรพล วิเศษสรรค์ อาจารย์ประจำภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้มีผลิตภัณฑ์กำจัดปลวก 3 ตัวหลักๆคือ Terminate , Terminus , Termina Oil ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน และพื้นที่ที่ใช้ซึ่งหากสนใจก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก internet ได้ โดยข้อดีของการใช้สมุนไพรกำจัดปลวกคือ ไม่ทำให้ปลวกดื้อยา เพราะทำมาจากพืชธรรมชาติ และปลอดภัยต่อคน

ก็ลองเลือกใช้ดูว่าเราสะดวกที่จะกำจัดปลวกด้วยวิธีไหนมากที่สุด หรืออาจจะลองกำจัดแบบผสมผสานดูก็ได้ ใช้สารเคมีบ้าง สมุนไพรบ้าง ไส้เดือนฝอยบ้าง จะได้รู้ว่าวิธีไหนดีที่สุด ตอบโจทย์การกำจัดปลวกมากที่สุด สุดท้ายก็ขอให้บ้านของผู้อ่านทุกคนปลอดภัยจากปลวกที่รุกรานบ้านกันถ้วนหน้าครับ

ที่มา http://homeenrich.blogspot.com/2013/06/how-to-kill-termite.html

กำจัดปลวกด้วยสิ่งมีชีวิต


เป็นวิธีที่ใช้สิ่งมีชิวิตกำจัดสิวมีชีวิตด้วยกัน โดยไอ้สิ่งมีชีวิตที่เราจะใช้กำจัดปลวกก็คือ "ไส้เดือนฝอย" มีชื่อจริงว่า Steinernema sp. เป็นพันธุ์ไทย พบได้แถวกาญจนบุรี เป็นไส้เดือนที่มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยกลไกการทำงานของวิธีการนี้ก็คือ เมื่อปลวกมันได้รับหรือกินไส้เดือนฝอยเหล่านี้เข้าไป มันจะทำให้ปลวกป่วย และมันจะขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานในท้องของปลวกจนมันตายไปในที่สุด และเหมือนเดิมเมื่อปลวกตัวอื่นมากินปลวกที่ตาย ไส้เดือนฝอยมันก็จะไปขยายพันธุ์เพื่อทำลายล้างปลวกต่อไป จนปลวกตายยกลัง โดยที่ไส้เดือนฝอยเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อคนแต่อย่างใด เพราะมันจะมีผลต่อสัตว์เลือดเย็น หรือสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเท่านั้น

วิธีการฉีดปลวกด้วยไส้เดือนฝอย

ให้เอาไส้เดือนฝอยที่เตรียมไว้ผสมกับน้ำ จากนั้นก็เอาไปฉีดที่รังปลวก หรือแหล่งที่มีความเสี่ยง ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของไส้เดือนฝอย เดี๋ยวมันจะจัดการปลวกแบบไม่ให้เหลือผู้สืบสกุลไปเอง แต่ต้องฉีดตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะไส้เดือนมันแพ้แสงแดด และสามารเก็บได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น โดยให้แช่ไว้ในตู้เย็น

ที่มา http://homeenrich.blogspot.com/2013/06/how-to-kill-termite.html

กำจัดปลวกด้วยสารเคมี


กำจัดปลวกด้วยสารเคมี

ก็เป็นวิธีที่คนไทยนิยมทำกัน ก็คือไปหาพวกน้ำยากำจัดปลวกที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป มาฉีด พ่น อัด ลงในตัวแหน่งที่มีปลวก หรือในตัวแหน่งที่มีความเสี่ยงที่ปลวกจะไปทำรัง โดยส่วนผสมหลักๆก็จะมี คาร์บาเมท,คลอไพรีฟอส และฟิโฟรนิล โดยที่ปลวกจะรับสารออกฤทธิ์เข้าทางปากและผิวหนัง แล้วสุดท้ายก็ตายไปในที่สุด และเมื่อปลวกตัวหนึ่งโดยยาตายไป ปลวกตัวอื่นๆที่มากัดกินปลวกตัวที่ตายก็จะได้รับสารเคมีจากย่าฆ่าปลวกไปด้วย ก็อาจจะทำให้ปลวกตายยกรังได้

ข้อเสียของการกำจัดปลวกด้วยสารเคมี

อันตรายจากสารที่ใช้ฉีดฆ่า ซึ่งอาจจะตกค้างอยู่ภายในบ้าน ซึ่งอาจจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ รุนแรงหน่อยก็กล้ามเนื้อกระตุก เป็นอัมพาต ชัก หมดสติ
ปลวกดื้อยา สารเคมีกำจัดปลวกพวกนี้หากฉีดบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ปลวกเกิดอาการดื้อยาได้ แล้วพอฉีดไปเรื่อยมันก็จะไม่ตายแล้ว ซึ่งหากเราไปจ้างบริษัทฉีดเราก็ไม่รู้ว่าเค้าใช้ยาตัวเดิมมาฉีดให้เราหรือเปล่า หากเป็นอย่างนั้นก็คงเสียเงินฟรีเพราะฆ่าปลวกไม่ตาย

ที่มา http://homeenrich.blogspot.com/2013/06/how-to-kill-termite.html

การสร้างกับดักล่อปลวก


ขั้นแรกให้หาไม้กระดานแผ่นเรียบขนาดใหญ่พอประมาณ พรมน้ำให้ชื้น ๆ แล้วไปติดไว้ใกล้จุดที่ปลวกแอบซุ่มอยู่ ทิ้งไว้สักพัก (หรืออาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย) เหยื่ออันโอชะที่เราติดไว้จะถูกปลวกรุมแทะอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นให้คุณรีบนำแผ่นไม้ไปเผาทิ้งทันที วิธีกำจัดปลวกอย่างนี้จะช่วยลดจำนวนปลวกในบ้านไปได้เยอะพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการกำจัดปลวกอย่างสิ้นซากนะคะ

ที่มา http://home.kapook.com/view100834.html

รู้จักชนิดของปลวก


เราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลวกในบ้านออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งก็คือ ปลวกใต้ดินกับปลวกไม้แห้ง โดยปลวกทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีลักษณะการทำลายไม้่ที่ต่างกัน หากเป็นปลวกใต้ดินจะแทะไม้จากด้านในออกมาด้านนอก สร้างความเสียหายกับไม้เกือบทั้งหมด ส่วนปลวกไม้แห้งจะแทะกินเฉพาะเนื้อไม้ด้านใน โดยเว้นเนื้อไม้ด้านนอกไว้บาง ๆ ทำให้เหมือนไม้ไม่ได้ถูกทำลายไปสักนิดเดียว ดังนั้นแม้จะเห็นสภาพไม้ภายนอกดูไม่เป็นร่องเป็นรูก็อย่าไปไว้ใจเชียว

ที่มา http://home.kapook.com/view100834.html

เช็กสภาพไม้ก่อน


หากสังเกตเห็นว่าไม้เป็นรูคล้ายโดนปลวกแทะ หรือเห็นซากไม้เป็นผงเกลื่อนพื้นตรงบริเวณที่ไม้เป็นจุด นั่นอาจจะแปลได้ว่า ตอนนี้รังปลวกได้บุกมาแทะไม้บ้านคุณแล้วจริง ๆ ทว่าถึงอย่างนั้นเราก็ต้องเช็กว่าเป็นปลวกตัวจริงเสียงจริงแน่หรือเปล่า โดยการเคาะดูก่อนก็ได้ หากได้ยินเสียงก้องหรือรู้สึกถึงความโหรงเหรงภายใต้พื้นไม้ อาจจะฟันธงไปได้เลยว่าเจอปลวกแน่แล้ว ทว่าหากยังไม่แน่ใจสามารถใช้สว่านเจาะเข้าไปตรงบริเวณที่เป็นรูก็ได้ หากเศษไม้หลุดออกมาเป็นแผ่นอย่างง่ายดายก็แปลว่าใช่เลย เตรียมกำจัดปลวกได้แล้วจ้า


ที่มา http://home.kapook.com/view100834.html